
ในขณะที่กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย สิ่งที่ตามมาและขาดไม่ได้คือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ที่รองรับการใช้งานของผู้บริโภคที่หันมาใช้ EV เพิ่มมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ และความตื่นตัวของตลาดที่เปิดรับเทคโนโลยีสะอาด นักลงทุนและเจ้าของพื้นที่ต่างเริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากจุดชาร์จไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เพราะรายได้ Passive Income แต่ยังรวมถึงโอกาสในการคืนทุนเร็วและต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต
ในบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเหตุผลที่ทำให้ “สถานีชาร์จรถไฟฟ้า” กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ไม่ควรมองข้ามในยุคพลังงานทางเลือกแบบนี้
1. แนวโน้มผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
จากการสนับสนุนของภาครัฐที่มีมาตรการชัดเจน เช่น การให้เงินอุดหนุนและลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกหลายแบรนด์ทยอยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นในไทย ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นอย่างชัดเจน สถิติจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ยังระบุว่า ภายในปี 2573 ประเทศไทยจะมีรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มอย่างน้อย 1 ล้านคัน ส่งผลให้ความต้องการสถานีชาร์จเติบโตแบบก้าวกระโดดตามไปด้วย

2. การขาดแคลนสถานีชาร์จที่มีคุณภาพ
แม้ว่าจำนวนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น แต่สถานีที่มีคุณภาพและสามารถรองรับการใช้งานจริงยังคงมีจำกัด โดยมีสถานีเฉพาะบนเส้นทางหลักของต่างจังหวัด จุดพักรถ และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมเท่านั้น ทำให้ตลาดยังคงมีช่องว่างและโอกาสในการเข้าไปลงทุนอีกมาก
3. รายได้มั่นคงและโอกาสคืนทุนเร็ว
สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสร้างรายได้แบบ Passive Income คือ มีรายได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องลงแรงดูแลมากมายหลังจากการติดตั้งระบบที่มีคุณภาพเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยรายได้หลักมาจากการคิดค่าบริการชาร์จไฟตามหน่วยไฟฟ้า (บาทต่อ kWh) หรือค่าบริการจอดรถเพิ่มเติมนักลงทุนที่บริหารจัดการดีอาจคืนทุนได้รวดเร็วภายใน 2 – 4 ปี ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและกลยุทธ์ทางธุรกิจ

4. ค่าดำเนินการต่ำ ไม่ต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก
จุดเด่นที่สำคัญของธุรกิจสถานีชาร์จรถไฟฟ้าคือไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำเพื่อดูแลการเก็บค่าชาร์จหรือให้บริการลูกค้า เนื่องจากสามารถดำเนินการทั้งหมดผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชันที่สามารถจัดการและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนค่าบุคลากรและการบริหารจัดการได้มาก มีเพียงค่าบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบไฟฟ้าตามรอบเวลา ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น
5. โอกาสสร้างธุรกิจเสริมเพิ่มเติม
การลงทุนในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังสามารถต่อยอดธุรกิจเสริมได้ เช่น การให้บริการเสริมที่สถานี เช่น คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ หรือพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Coworking Space) เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้ใช้เวลาระหว่างรอชาร์จมากขึ้น และเพิ่มช่องทางรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
โดยรวมแล้ว ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส ด้วยแนวโน้มที่เติบโตชัดเจน ค่าดำเนินงานต่ำ และสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน นักลงทุนที่สนใจควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป! ลงทุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้เชี่ยวชาญตัวจริงอย่าง Friendlycharger เราพร้อมให้คำแนะนำช่วยวิเคราะห์ทำเล ติดตั้งระบบ EV Charger มาตรฐานสากล มีทีมวิศวกรไฟฟ้าควบคุม บริการหลังขายครบวงจร
6. ต้นทุนการลงทุนเบื้องต้น
การเริ่มต้นติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมีทุนมหาศาลอย่างที่หลายคนคิด
รายการ | ต้นทุนโดยประมาณ | เครื่องชาร์จ AC | 50,000 – 150,000 บาท | เครื่องชาร์จ DC (Fast Charge) | 300,000 – 1,000,000+ บาท | ค่าออกแบบติดตั้งระบบไฟฟ้า | 100,000 – 300,000 บาท | ราคาต้นทุนเริ่มต้น | 500,000 – 1.5 ล้านบาท |
หมายเหตุ: ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนหัวชาร์จ, ความเร็ว และสถานีติดตั้ง

7. ข้อกฎหมายและมาตรฐานที่ควรรู้
ก่อนติดตั้งสถานีชาร์จ ควรดำเนินการ
- ขออนุญาตเชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับ กฟภ./กฟน.
- ตรวจสอบพื้นที่ให้เหมาะสม
- ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต และได้มาตรฐาน มอก. หรือ IEC
Friendlycharger ให้บริการครบวงจร ตั้งแต่วิเคราะห์ทำเล ไปจนถึงออกแบบระบบ ติดตั้ง และขออนุญาตอย่างถูกต้องครบถ้วน
ทำไมต้องลงทุนกับ Friendlycharger
- ให้คำปรึกษาฟรี วิเคราะห์ทำเลธุรกิจ
- ใช้อุปกรณ์ EV Charger ได้มาตรฐาน มอก. / IEC
- ทีมวิศวกรไฟฟ้ามืออาชีพ พร้อมใบอนุญาต
- ระบบบริหารสถานีผ่านแอป ตรวจสอบรายได้เรียลไทม์
- บริการหลังขายครบวงจร
พร้อมเริ่มลงทุน EV Charger วันนี้หรือยัง? อย่าปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจหลุดมือ! ลงทุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้เชี่ยวชาญตัวจริงอย่าง Friendlycharger เราพร้อมดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนสถานีชาร์จ EV ของคุณสร้างรายได้ได้จริง