ธุรกิจต้องรู้! เริ่มต้นลงทุน ‘สถานีชาร์จรถไฟฟ้า’ อย่างไร? ถึงจะประสบความสำเร็จ

ปัจจุบันกระแสของ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรงสุดๆ เพราะทั้งประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีเทคโนโลยีการขับขี่ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด จึงไม่แปลกที่ผู้ใช้รถคนไทยจะเริ่มหันมาใช้ EV กันมากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าเมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ สถานีชาร์จ ต้องเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนผู้ใช้งานนั่นเอง
โอกาสทองของคนที่อยากเริ่มลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืนมาถึงแล้ว! แต่ถ้าคุณกำลังตัดสินใจอยู่ว่าอยากเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี? บทความนี้มีคำตอบ มาดูกันเลย…
ทำไมสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าถึงน่าลงทุน?
- แนวโน้มการใช้งาน EV พุ่งสูง
ด้วยนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุน EV และการที่ค่ายรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ผู้บริโภคหันมาใช้รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง ส่งผลให้ความต้องการสถานีชาร์จเติบโตตามไปด้วย
- การขาดแคลนสถานีชาร์จคุณภาพ
แม้จะมีสถานีชาร์จมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่ โดยเฉพาะในเส้นทางของการเดินทางไปยังต่างจังหวัด ตามจุดท่องเที่ยว หรือชุมชนเมืองต่างๆ
- รายได้ระยะยาวและโอกาสคืนทุน
ธุรกิจนี้อาจต้องลงทุนสูงในช่วงแรก แต่สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ระยะยาวได้ โดยเฉพาะเมื่อวางระบบบริหารจัดการสถานีและระบบการเงินที่ดี

6 ขั้นตอนเริ่มต้นการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
1. ศึกษาตลาดและทำเลอย่างละเอียด
- ทำเลคือหัวใจของธุรกิจ EV Charger
- เลือกทำเลที่มียอดผู้ใช้รถเยอะๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน โรงแรม คอนโด หมู่บ้านจัดสรร หรือจุดพักรถตามเส้นทางหลัก
- คำนึงถึงเรื่องความรวดเร็วในการชาร์จไฟฟ้า ความปลอดภัย และพื้นที่ติดตั้งที่สะดวกเป็นหลัก
อาจมีการสำรวจจำนวนผู้ใช้ EV ในพื้นที่ และศักยภาพการเติบโตของทำเลนั้น
2. เลือกรูปแบบสถานีชาร์จที่เหมาะสม
- AC Charger (หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ) ชาร์จแบบปกติ ใช้เวลานาน เหมาะกับจอดระยะยาว เช่น คอนโด โรงแรม ห้าง
- DC Charger (หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง) ชาร์จเร็ว ใช้เวลาน้อย เหมาะกับจุดพักรถ เดินทางระยะไกล ต้องการชาร์จไว
3. วางงบประมาณและแผนธุรกิจ
ต้นทุนหลักในการเปิดสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV
- ค่าชาร์จเจอร์ (หลักหมื่นถึงล้านบาทต่อเครื่อง)
- ระบบบริหารจัดการและชำระเงิน (รวมถึงแอปพลิเคชัน)
- ค่าติดตั้ง เดินสายไฟ ระบบไฟฟ้า หม้อแปลง ในสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
- ค่าบำรุงรักษา และบริการลูกค้า
นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรมีการวางแผนคาดการณ์รายได้ไว้ด้วย เช่น การคิดค่าบริการตามหน่วยไฟฟ้า (บาท/kWh) หรือเก็บค่าจอดรถเพิ่มเติม

4. ขออนุญาตและมาตรฐาน
ลงทุนธุรกิจสถานีชาร์จ รถไฟฟ้าต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
- การไฟฟ้านครหลวง (MEA)
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)
- กรมธุรกิจพลังงาน (หากต้องการขายไฟฟ้า)
เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เช่น รองรับ OCPP, ได้ใบรับรอง มอก., UL, CE
5. เลือกพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้
Friendly Charge ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางระบบ ไปจนถึงติดตั้งและบริการหลังการขาย คุณควรเลือกบริษัทที่เชื่อถือได้ เช่น
- มีทีมวิศวกรและบริการหลังขายในไทย
- ระบบจัดการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าผ่านแอปฯ หรือ Cloud Computing
- มีประสบการณ์ติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้ากับโครงการขนาดใหญ่
6. การตลาดและการสร้างเครือข่ายผู้ใช้งาน
- สร้างจุดเด่น เช่น Free Wi-Fi, ร้านกาแฟ, ที่นั่งพักในสถานี
- ลงทะเบียนในแพลตฟอร์มแผนที่ EV เช่น Google Maps
- จัดแคมเปญร่วมกับธุรกิจในพื้นที่ เช่น ชาร์จฟรีเมื่อใช้บริการร้านค้า

ตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ
- EV Charging + Cafe Coworking Space เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ใช้เวลาระหว่างรอชาร์จรถที่สถานีชาร์จรถ EV
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้าแบบเช่าระบบ (Charging as a Service) ลงทุนต่ำแบ่งรายได้กับผู้ให้บริการ
- สถานีชาร์จรถ EV ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มมูลค่าให้กับโครงการและสิ่งอำนวยความสะดวก
การลงทุนในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ต้องผสมผสานทั้งกลยุทธ์ธุรกิจ การเลือกทำเล การบริหารต้นทุน และการบริการลูกค้า หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาหรือพาร์ทเนอร์เพื่อลงทุนในธุรกิจ EV Charger Friendly Charge พร้อมให้คำแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงติดตั้งและดูแลหลังการขาย